คะแนนที่เชลซี นำอยู่ที่ตอนบนสุดของตารางพรีเมียร์ชิพถูกลดช่องว่างเหลือ 12 คะแนน หลังจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะปอร์ทสมัธ 3-1 ในการไปเยือนสนามแฟรตตัน พาร์ค เมื่อวันเสาร์
และเป็นมิดเดิ้ลสโบรซ์ ของสตีฟ แม็คคลาเรน ที่ให้ความหวังกับปิศาจแดง หลังจากพวกเขาซัด 3 ประตูเอาชนะทีมของโฮเซ่ มูรินโญ่ ไปได้ 3-0 ที่สนามริเวอร์ไซด์
รุด ฟาน นิสเตลรอย ทำประตูให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำไปก่อนในนาทีที่ 18 และก่อนจบครึ่งแรกก็มาได้อีก 2 ประตูจากคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งดูเหมือนว่ากำลังมีฟอร์มการทำประตูที่ดีเยี่ยมในช่วงนี้
ข่าวดีสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือการกลับมาของไรอัน กิ๊กส์ หลังจากไม่ได้ลงเล่น 3 นัดเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่เอ็นหลังหัวเข่า มีการเปลี่ยนแปลงทีมบางตำแหน่งจากชุดที่ซัด 4 ประตูเอาชนะฟูแล่ม ได้ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในนัดที่แล้ว
ริโอ เฟอร์ดินานด์ กลับมาสู่ทีมหลังจากติดโทษห้ามแข่ง 1 นัดเนื่องจากได้รับใบแดงในเกมที่พบกับแบล็คเบิร์น ส่วนปาทริซ เอวร่า มีชื่อเป็นตัวสำรอง ในขณะที่เนมานย่า วิดิช ซึ่งเป็นอีกคนที่ย้ายเข้าสู่ทีมเมื่อเดือนมกราคมมีชื่อเป็นตัวจริง โดยมีเวส บราวน์ และมิเกล ซิลแวสตร์ ลงเล่นเป็นฟูลแบ็ค
ไรอัน กิ๊กส์ ลงเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางคู่กับดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ในขณะที่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และปาร์ค จีซุง ลงเล่นในตำแหน่งปีกทั้ง 2 ข้าง
ในแผงกองหน้าเป็นหน้าที่ของเวย์น รูนี่ย์ จับคู่กับรุด ฟาน นิสเตลรอย ซึ่งสวมปลอกแขนกัปตันทีมในนัดนี้ เนื่องจากแกรี่ เนวิลล์ ไม่มีชื่อลงเล่นเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยที่เอ็นหลังหัวเข่า
ปอมปีย์ ลงเล่นเกมนัดนี้โดยหวังจะทำสถิติเอาชนะในเกมเหย้าที่พบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 นัดรวดในพรีเมียร์ชิพ นับตั้งแต่การกลับคืนสู่ลีกสูงสุด ปอร์ทสมัธ เก็บคะแนนได้ทั้งหมดในเกม 2 นัดที่พบกันในสนามแฟรตตัน พาร์ค โดยสตีฟ สโตน ทำประตูชัยใน 2 ฤดูกาลก่อน และเดวิด อันสเวิร์ธ (จุดโทษ) และยาคูบู ทำคนละประตูในชัยชนะเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
ปิศาจแดง หวังจะกลับเข้าสู่เส้นทางแห่งชัยชนะในเกมเยือนหลังจากไม่ประสบความสำเร็จในเกมเยือน 4 นัดก่อนหน้านี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอในการไปเยือนเบอร์มิงแฮม ซิตี้ (2-2) และอาร์เซน่อล (0-0) และพ่ายแพ้ในการไปเยือนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ (1-3) และแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส (3-4) นับตั้งแต่ชัยชนะ 2-0 ในการไปเยือนแอสตัน วิลล่า ก่อนถึงวันคริสต์มาส 8 วัน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในชุดเสื้อสีแดงและกางเกงสีดำเขี่ยลูกเริ่มเกมในช่วงเย็นที่ค่อนข้างสบาย มันเป็นวันที่อากาศดีในเมืองปอร์ทสมัธ และดวงอาทิตย์ก็เริ่มจะคล้อยต่ำลงเมื่อเข้าสู่ช่วงเริ่มเกม
สนามแฟรตตัน พาร์ค เต็มไปด้วยเสียงอื้ออึงเมื่อเกมเริ่มต้นขึ้นเหมือนทุกครั้งที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาเยือน แต่เป็นปิศาจแดง ที่ดูดีกว่าในช่วงต้นเกม ทั้งเวย์น รูนี่ย์ และรุด ฟาน นิสเตลรอย อยู่ในอาการที่จะทำให้กับแผงกองหลังของปอมปีย์ มีเกมที่ไม่ง่ายเอาซะเลย
แต่ในขณะเดียวกัน โลมาน่า ลัวลัว และเบนจามิน เอ็มวารูวารี คู่กองหน้าของปอร์ทสมัธ ก็แสดงศักยภาพของพวกเขาออกมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยเจ้าถิ่นดิ้นรนที่จะรักษาฟอร์มการเล่นเกมเหย้าที่น่าประทับใจในการพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
อย่างไรก็ตาม แผนการของพวกเขาก็ต้องประสบปัญหาครั้งใหญ่ในนาทีที่ 18 เมื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกสวนกลับทำประตูขึ้นนำไปก่อน ไรอัน กิ๊กส์ ตัดบอลได้ที่กลางสนามแล้วพาบอลกระชากลากเลื้อยหลบแผงกองหลังของปอมปีย์ เข้าไปถึงกรอบเขตโทษ ดีน คีลี่ย์ ผู้รักษาประตูซึ่งครั้งหนึ่งเคยร่วมทีมบิวรี่ เพื่อนบ้านของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รีบออกมาเพื่อจะตัดบอล แต่ปีกพ่อมด พาบอลหลบออกทางซ้ายก่อนที่จะซัดเต็มข้อด้วยเท้าซ้ายไปที่หน้าปากประตูโล่งๆ บอลลอยโด่งไปชนคานเต็มๆ แล้วเด้งออกมาเข้าหัวของฟาน นิสเตลรอย ซึ่งจัดการโหม่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายอย่างง่ายดาย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 18
“บลูอาร์มี่ บลูอาร์มี่” กองเชียร์เจ้าถิ่นผู้ซื่อสัตย์ในสนามแฟรตตัน พาร์ค พากันตะโกนส่งเสียงกระตุ้นปอร์ทสมัธ ให้ทำประตูตีเสมอ ในตอนแรกดูเหมือนว่าแฟนบอลจะตะโกนให้กับคนหูหนวกเพราะปอมปีย์ ยังคงมีปัญหาในการส่งบอล แต่พวกเขาก็ฟื้นตัวกลับคืนสู่เกมอย่างช้าๆ และในขณะที่เริ่มสร้างโอกาสทำประตูได้มากขึ้น โดยลูกยิงของลัวลัว หลุดออกข้างเสาไปเพียงนิดเดียว พัฒนาการของพวกเขาก็ทำให้แฟนบอลมีชีวิตชีวามากขึ้น
การขึ้นนำอยู่เพียงประตูเดียวของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มที่จะดูสั่นคลอนเล็กน้อย แต่แล้วในนาทีที่ 38 การฮึดสู้ของปอมปีย์ ก็ต้องจบลงอย่างฉับพลันหลังจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำประตูที่ 2 ได้ ฟาน นิสเตลรอย โหม่งบอลคืนมาให้คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่หน้ากรอบเขตโทษ ปีกชาวโปรตุเกส แต่งบอลเข้าเท้าซ้ายก่อนที่จะยิงไกลเต็มแรงจากระยะ 25 หลา บอลพุ่งเหินเสียบใต้คานเข้าประตูไปอย่างงดงาม โดยคีลี่ย์ หมดสิทธิ์ป้องกัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำเป็น 2-0 ในนาทีที่ 38
และยังมีความเลวร้ายมากขึ้นไปอีกสำหรับปอร์ทสมัธ เมื่อเวลาในครึ่งแรกใกล้จะหมดลง ฟาน นิสเตลรอย ไหลบอลให้กับรูนี่ย์ ที่กลางสนาม ดาวยิงทีมชาติอังกฤษ พาบอลทะลุแผงกองหลังปอมปีย์ ก่อนที่จะแทงบอลออกทางด้านขวาให้กับโรนัลโด้ ที่วิ่งเติมขึ้นมาพอดี ปีกดาวรุ่งโปรตุเกส แตะบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนที่จะซัดด้วยเท้าขวา บอลไปแฉลบแอนดี้ โอไบรอัน นิดหนึ่งแล้วลอยข้ามมือคีลี่ย์ เข้าไปเสียบมุมที่เสาไกล เป็นประตูที่ 4 ของโรนัลโด้ จากการลงเล่น 2 นัด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำห่าง 3-0 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรก ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงพักครึ่งเวลา ปิศาจแดง ดูเหมือนจะจัดการฝังปอมปีย์ ลงหลุมเรียบร้อยแล้ว
มีการเปลี่ยนตัวในช่วงพักครึ่ง ทิม โฮเวิร์ด ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามมาแทนเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ที่มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ในขณะที่อลัน สมิธ ก็ถูกส่งลงสนามมาแทนกิ๊กส์
แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แฟนบอลของปอมปีย์ ก็ยังคงส่งเสียงตะโกนเชียร์และพวกเขาก็เกือบจะได้รับผลตอบแทนตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง ลัวลัว ยิงเกือบจะพุ่งเสียบด้านในเสาไกล ในขณะที่เวย์น เราท์เลดจ์ ตัวสำรองในช่วงพักครึ่งแทนที่ของแอนเดรส ดาเลสซานโดร ก็เกือบทำประตูได้จากลูกยิงเรียด
การทำ 3 ประตูของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในครึ่งเวลาแรกเป็นการตัดสินผลการแข่งขันของนัดนี้ได้ตั้งแต่ก่อนพักครึ่งเวลา และมันก็ส่งผลในครึ่งเวลาหลังด้วย ปอร์ทสมัธ ยังคงต้อสู้เพื่อทำประตูตีไข่แตก และโฮเวิร์ด ก็ต้องออกแรงป้องกันประตูอย่างน่าประทับใจหลังจากเปโดร เมนเดส ได้ยิงจากนอกกรอบเขตโทษ
ก่อนหมดเวลา 3 นาที ปอมปีย์ ก็มาได้ประตูปลอบใจหลังจากบุกกดดันอยู่นาน เราท์เลดจ์ ยิงบอลเต็มแรงไปเข้าหัวของแมตต์ เทย์เลอร์ ที่ตั้งหัวโหม่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้สำเร็จ ปอร์ทสมัธ ตีไข่แตกเป็น 1-3 ในนาทีที่ 87
หลังจากนั้น โฮเวิร์ด ต้องออกแรงอีกครั้งเพื่อป้องกันลูกยิงของลัวลัว ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง โรนัลโด้ ก็เกือบจะทำแฮททริกได้สำเร็จจากลูกฟรีคิกริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย บอลพุ่งเสยคานด้านบนออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
หมดเวลาการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกมาเอาชนะปอร์ทสมัธ 3-1 ที่สนามแฟรตตัน พาร์ค เก็บอีก 3 คะแนนสำคัญ ลดช่องว่างคะแนนห่างจากเชลซี จ่าฝูงเหลือ 12 คะแนน โดยปิศาจแดง ลงเล่น 26 นัดทำได้ 54 คะแนน (บรรยายเกมโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
ปอร์ทสมัธ
ดีน เคลลี่ 33
แอนดรูว์ โอไบรอัน 5
โนเอ พามาโร่ต์ 11
ลินวอย พรีมัส 2
แม็ทธิว เทย์เลอร์ 14 ( น. 87)
แอนเดรส ดาเลสซานโดร 4
ฌอน เดวิส 28
แกรี่ โอนีล 26
มิเกล เปโดร เมนเดส 30
โลมาน่า ลัวลัว 32
เบนจามิน เอ็มวารุวารี่ 25
สำรอง
เจมี่ แอชดาวน์ 15
แอนดี้ กริฟฟิน 16 น. 55 ฌอน เดวิส 28
ริชาร์ด ฮิวจ์ส 22
เวย์น เราท์เลดจ์ 24 น. 45 แอนเดรส ดาเลสซานโดร 4
อะซาร์ คาราดาส 8
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 19
เวส บราวน์ 6
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
มิเกล ซิลแวสตร์ 27
เนมานย่า วิดิช 15
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
ไรอัน กิ๊กส์ 11
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7 ( น. 38, 45)
ปาร์ค จีซุง 13
เวย์น รูนี่ย์ 8
รุด ฟาน นิสเตลรอย 10 ( น. 18)
สำรอง
ทิม โฮเวิร์ด 1 น. 45 เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 19
ปาทริซ เอวร่า 3
คีแรน ริชาร์ดสัน 23
หลุยส์ ซาฮา 9 น. 82 เวย์น รูนี่ย์ 8
อลัน สมิธ 14 น. 45 ไรอัน กิ๊กส์ 11
สถิติของเกม
ปอร์ทสมัธ ประตู 1, ยิงตรงกรอบ 4, ยิงหลุดกรอบ 9, โดนบล็อค 2, เตะมุม 16, ฟาวล์ 13, ล้ำหน้า 1, การครองบอล 50%
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประตู 3, ยิงตรงกรอบ 4, ยิงหลุดกรอบ 1, เตะมุม 2, ฟาวล์ 17, ล้ำหน้า 1, การครองบอล 50%
คะแนนความสามารถ
ปอร์ทสมัธ ดีน เคลลี่ 6, โนเอ พามาโร่ต์ 6, แอนดี้ โอไบรอัน 6, ลินวอย พรีมัส 6, แม็ทธิว เทย์เลอร์ 7, แกรี่ โอนีล 6, ฌอน เดวิส 5, มิเกล เปโดร เมนเดส 7, แอนเดรส ดาเลสซานโดร 4, เบนจามิน เอ็มวารุวารี่ 5, โลมาน่า ลัวลัว 8, แอนดี้ กริฟฟิน (สำรอง) 6, เวย์น เราท์เลดจ์ (สำรอง) 6
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 6, เวส บราวน์ 7, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 7, เนมานย่า วิดิช 7, มิเกล ซิลแวสตร์ 6, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 8, ดาร์เรน เฟลตเชอร์ 6, ไรอัน กิ๊กส์ 6, ปาร์ค จีซุง 5, เวย์น รูนี่ย์ 5, รุด ฟาน นิสเตลรอย 7, ทิม โฮเวิร์ด (สำรอง) 7, หลุยส์ ซาฮา (สำรอง) 5, อลัน สมิธ (สำรอง) 6
Por

By Troy